สาละวัน รุ่น 1

 

ปี พ.ศ.2522 กระแสดนตรีใหม่วงชาตรียังแพร่ระบาดในหมู่วัยรุ่นในขณะนั้น พวกเรายามวันว่างเป็นอันว่าได้โอกาสมาเล่นมาร้องเพลงด้วยกัน ผมเล่นกีต้าร์โปร่ง การุณย์เป่าฮาร์โมนิก้า และไพบูลย์ร่วมร้อง เล่นไปเล่นมาจึงเกิดความคิดว่าเราน่าจะมีเพลงของเราเอง โดยเริ่มจากเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับโรงเรียน การแต่งเพลงช่วงเริ่มต้นทำแบบง่ายๆ คือผมจะตีคอร์ดหลักไปเรื่อยๆ แล้วช่วยกันคิดว่าทำนองจะเอายังไง จากนั้นช่วยกันเอาคำร้องเข้าไปในเพลงต่อเพลงกันจนจบเพลง เพลงแรกที่เรามีเป็นของตัวเองคือเพลงศรีสะเกษวิทยาลัยถิ่นความหลัง โดยตั้งชื่อวงว่า วงสาละวัน เป็นวงสไตล์โฟล์คซอง

 

ช่วงนั้นโฟล์คซองคำเมืองกำลังดัง ตอนนั้นเรายังไม่มีโอกาสได้ขึ้นเวที เพราะโรงเรียนมีวงชาโดว์ประจำโรงเรียนอยู่ ซึ่งเขาจะเล่นไปแนวเพลงสากลที่ฮิตในขณะนั้น พวกเราเหมือนมวยวัดเล่นเองฟังกันเองหรือเล่นให้กลุ่มเพื่อนย่อยๆ ฟัง พอเล่นหลายครั้งเข้าก็เริ่มคุ้นหู เพื่อนๆ จะคลอเพลงตามเราไปด้วย ซึ่งอาจเนื่องจากตอนนั้นเพลงที่เกี่ยวกับโรงเรียนแทบไม่มี และถ้าเป็นเพลงที่นักเรียนแต่งเองแล้วนั้น ถือว่าเราเป็นเจ้าแรก แต่จนแล้วจนรอดยังไม่มีโอกาสได้ขึ้นเวทีเลย ซึ่งไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด จากนั้นเพลงโปรแกรมเกษตรจึงตามออกมาเป็นเพลงที่สอง คือแต่ก่อนเราเรียนโดยแบ่งเป็นโปรแกรมต่างๆ เช่นคณิตวิทย์ ,คณิตภาษา, เกษตร และอื่นๆ พวกที่เลือกเรียนเกษตรตามความคิดทั่วไปมองว่าเป็นเด็กแก่นๆ ที่เรียนไม่ค่อยเก่ง เลยแต่งเพลงออกมาเราบรรยายความน้อยเนื้อต่ำใจ ปรากฏว่าเพลงนี้เป็นที่ติดหูเลย เราทำการอัดเพลงลงในคาสเซ็ทเทป โดยทำกันง่ายๆ คือเล่นสดอัดหน้าเครื่องเล่นเทป อัดเสียงกันที่บ้านไพบูลย์ อัดกันไปตามสภาพเท่าที่อุปกรณ์มี แล้วทำสำเนาไว้ไม่กี่อัน กะว่าแค่จะเอามาเปิดให้เพื่อนๆ ฟังและฟังกันเองเท่านั้น แต่ปรากฏว่าเพลงเราไปโผล่เปิดที่เสียงตามสายโรงเรียน จำได้ว่าตอนผมได้ยินเสียงตามสายเปิดเพลงเราครั้งแรก ด้วยความเพื่อให้แน่ใจว่าใช่จริงๆ หรือไม่ ผมต้องเงี่ยหูฟังชัดๆ พอรู้ว่าเป็นเสียงของผมเองหัวใจผมเต้นตุ๊บๆเลย พอเปิดบ่อยๆ เข้าคนเริ่มคุ้น เริ่มมีคนรู้จัก จากนั้นเราเริ่มได้ขึ้นเวทีหอประชุมช่วงมีงานกิจกรรม โดยจะเล่นเพลงของวงอื่นก่อนโดยมีไพบูลย์เป็นคนร้อง แล้วตามด้วยเพลงของวง ช่วงนั้นมีสมาชิกของวงเพิ่มเข้ามาคือ ปรัชญา,ศรีเมืองและอนุชา เพื่อให้เสียงดนตรีครบสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ปรัชญามาจากวงชาโดว์ของโรงเรียนมาช่วยโซโลกีต้าร์และเบส ศรีเมืองมาช่วยเรื่องเพอร์คัชชัน ส่วนอนุชาเป็นรุ่นน้องคุ้มทุ่งนาดีบ้านใกล้กันกับผมมาช่วยเสริมกีต้าร์กับเบส แล้วเราก็แต่งเพลงเพิ่มเติมอีกหลายเพลง เช่นอรุณเบิกฟ้า,พ่อใหญ่สีขาเก เป็นต้น เนื้อหาเพลงที่แต่งก็เอามาจากเรื่องราวใกล้ๆตัว เพลงพ่อใหญ่สีขาเกนั้นพ่อใหญ่สีมีตัวมีตนจริงๆ แกจะมาหาลูกที่คุ้มทุ่งนาดีและต้องเดินขาเขยกผ่านบ้านผมเป็นประจำเลยจับเอามาเป็นเรื่องราวเขียนเป็นเพลงเสร็จสรรพ

 

 

ช่วงนั้นสุนทรีย์ด้านเพลงมีเต็มเหนี่ยวคิดอะไรจะเป็นเพลงไปหมด สมองลื่นไหลมาก บางเพลงใช้เวลาแต่งไม่นาน มีเพลงเศร้าเพลงหนึ่งที่ผมพยายามถามเพื่อนในวงแต่ไม่มีใครจำเนื้อได้เพราะเป็นเพลงช้าๆ ไม่ค่อยได้เล่น จะจำได้เพียงแค่ทำนองและเนื้อเพลงได้บางวรรค เพลงนี้แต่งหลังจากที่เราผ่านโศกนาฏกรรมมีการเสียชีวิตของเพื่อนและอาจารย์จากอุบัติเหตุในขณะเดินทางไปกิจกรรมวิ่งฟาร์ทเล็ดที่โคราช ความเศร้าปกคลุมท้องฟ้า ศ.ก.ว.ไปเนิ่นนานทีเดียว เมรุเผาศพที่วัดหลวงไม่เพียงพอบางส่วนต้องมาเผากันกลางแจ้ง พวกเราวงสาละวันและเพื่อนพี่น้องนักเรียนในขณะนั้นได้ซึมซับอารมณ์ความรู้สึกนี้ไว้ เพลงศรีสะเกษวิทยาลัยถิ่นความหลังเหมือนแต่งมาคาดรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า พอเล่นให้เพื่อนๆฟังจึงเกิดอารมณ์ร่วมมีมนต์ขลังมากขึ้นทั้งคนเล่นคนร้องและคนฟัง ช่วงเราขึ้น ม.ศ.5 เทอมปลาย ก็เริ่มห่างหายจากดนตรีเพราะต้องเตรียมตัวสอบเรียนต่อ มีหลายเพลงที่แต่งไว้ที่ยังค้างคา บางเพลงเป็นเพลงสมบูรณ์แล้ว บางเพลงยังไม่ได้เรียบเรียงดนตรีเข้าไป บางเพลงแต่งค้างไว้ได้ท่อนเดียว เสียดายที่ต้องแยกย้ายจากกันเร็วเกินไป เพราะแต่ละคนต้องไปเรียนต่อ ไม่เช่นนั้นคงได้สร้างผลงานให้มากกว่านี้ พวกเราขึ้นเวทีครั้งสุดท้ายที่โรงหนังศรีเกษม ครั้งนั้นวงสาละวันต้องอำลาจากเพื่อน ๆ และน้องๆ ศ.ก.ว. วันนั้นตอนเราเล่นเพลงศรีสะเกษวิทยาลัยถิ่นความหลัง การุณย์เป่าฮาร์โมนิก้าช่วงต้นเพลงเสร็จ ผมเพียงร้องวรรคแรกขึ้นเท่านั้น ก็ได้ยินเสียงร้องเพลงตามจากผู้ฟังและตบมือไปตามจังหวะเพลงลั่นโรงหนังเลย ผมยังประทับใจไม่ลืมเลือน ปัจจุบันสมาชิกส่วนใหญ่ของวงอยู่ที่ศรีสะเกษ เหลือไว้แต่ความทรงจำที่ดีต่อกัน ช่วงหนึ่งของชีวิตของเราไม่ได้สูญหาย คนอาจจำหน้าตาตัวตนเราไม่ได้ แต่จำเพลงของเราได้ เท่านี้ก็พอแล้ว

 

 

สมาชิกของวง

 

- นพรัตน์ คงพิรุณ กีต้าร์,ร้อง
- การุณย์ คงสวัสดิ์ ฮาร์โมนิก้า
- ไพบูลย์ ศรีธนานันท์ ร้อง
- ศรีเมือง สุจินพรหม เพอร์คัชชัน
- ปรัชญา ศรีรส กีต้าร์

- อนุชา ทิพานนท์ กีต้าร์,เบส

 

(เรียบเรียงประวัติ : นพรัตน์ คงพิรุณ)