คนบางคนเลือกเอา “การเขียน” เป็นหนทางของการระบายความรู้สึก บางครั้งก็ใช้เพื่อการบันทึกเรื่องราวในแต่ละวัน เรื่องที่ทำให้เรามีความสุข เรื่องที่ทำให้รู้สึกเศร้าสะเทือนใจ บางเรื่องก็เป็นความลับไม่อยากให้ใครรู้ บางเรื่องก็เป็นความลับที่อยากบอกแค่ใครบางคน บ่อยครั้งที่ตัวหนังสือเหล่านั้น ทำให้เราได้พูดคุยกับตัวเอง ได้ไตร่ตรองชีวิตในแต่ละขณะ ทำให้เราเข้าใจตัวเราเองมากยิ่งขึ้น บางที “ตัวหนังสือ” ก็ชดเชยระยะทาง ทำให้เรารู้สึกไกลกันน้อยลง ผ่อนความรู้สึกโดดเดี่ยวและเดียวดายให้คลายลง เหมือนอ้อมแขนที่คอยปลอบประโลม คอยเติมกำลังใจในยามที่ทดท้อ
“Diary 1993” ถูกเขียนไว้ประมาณปี 2536 ไม่เคยจดหรือบันทึกเอาไว้ในรูปแบบใดๆเลย ความบังเอิญในวันหนึ่ง หยิบกีต้าร์ขึ้นมาเล่น เผลอร้องบางท่อนของเพลงนั้นออกมา ทุกอย่างค่อยๆรื้อฟื้น ปะติดปะต่อทีละนิด คืนกลับมาทีละคำ ปรับคอร์ดบ้างบางคอร์ด ท่อนกลางเพลงที่ค้างคาไว้แต่เดิมนั้นก็ถูกเขียนขึ้นมาใหม่ โดยรวมๆแล้วทุกอย่างก็แทบจะคงเดิม
สายลมหนาวของต้นฤดูกาล พัดผ่านเข้ามาพร้อมกับบทเพลงแสนเก่าและเลือนลาง ผ่านมาให้ได้บันทึกเก็บไว้ ก่อนที่กาลเวลาจะดูดกลืนเอาทุกท่วงทำนองและทุกถ้อยคำให้สูญสลายหายไป
คำร้อง , ทำนอง , เรียบเรียง , ร้อง : สุวิวัฒน์ หงษ์สมบัติ
Accoustic Guitar Solo : จิมมี่ วรรณยุกต์
Sound Engineer And Mix Down By : สุวิวัฒน์ หงษ์สมบัติ
Recording Studio At : ห้องดนตรีวรรณยุกต์
Photo : สุวิวัฒน์ หงษ์สมบัติ
Font : FC Lamoon
"diary 1993"
"...ฉันเขียนเรื่องราวระหว่างสองเรา
เขียนเอาไว้ในไดอารี่ทุกวัน
ความรัก ความสุข ความทุกข์ ทุกอย่าง
ความรู้สึกเหล่านั้นยังตราตรึงใจ
ส่งให้เธออ่านทุกปี แทนวันที่เราห่างกัน
เพื่อยืนยันว่าฉันไม่เคยเปลี่ยนใจ
เหนื่อยกายเท่าไรสู้ทน จะไปจนถึงจุดหมาย
เพื่อความฝันของเรานั้นกลายเป็นจริง
ฉันเขียนเรื่องราวระหว่างสองเรา
เขียนเอาไว้ในไดอารี่ทุกวัน
ทั้งรัก ทั้งห่วง ทั้งหวง ทุกอย่าง
ความรู้สึกเหล่านั้นยังตราตรึงใจ..."